Pert Chart คือ — ความแตกต่างระหว่างแกนต์และแผนภูมิ Pert - ความแตกต่างระหว่าง - 2022

ความแตกต่างระหว่าง 2022 วิดีโอ: วิดีโอ: PERT or CPM - what's the difference?

  1. แผนภูมิ PERT คืออะไร? – สารานุกรมวิกิพีเดีย ?
  2. Example

แผนภูมิ PERT คืออะไร? – สารานุกรมวิกิพีเดีย ?

การเลือกพนักงาน 10 15 20 ข. การเลือกอุปกรณ์ 5 ค. การสร้างพิมพ์เขียว 12 18 ง. การเตรียมความพร้อมของพนักงาน 7 จ. ติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ ข., ค.

ศ.
pert chart คือ chart
AON (Activity on Node) 2. AOA (Activity on Arc) ขั้นตอนในการใช้เทคนิค PERT/CPM มีดังนี้ 1. กำหนดกิจกรรมที่ต้องดำเนินการต่าง ๆ 2. ลำดับกิจกรรมที่ต้องทำก่อน-หลัง 3. เขียนโครงข่ายและกิจกรรมต่าง ๆ ลงในโครงข่าย (Network) 4. กำหนดเวลาในการทำงานของแต่ละกิจกรรม – ส่วนใหญ่มักจะมีหน่วยเป็นสัปดาห์ – ข้อมูลเวลามาจากที่ใด??? + ข้อมูลที่แน่นอน เช่น ข้อมูลในอดีต ข้อมูลตามทฤษฎี เป็นต้น + ข้อมูลที่ไม่แน่นอน เช่น จากประสบการณ์ จากความคิดเห็น จากการทดลอง เป็นต้น – เทคนิค PERT ใช้วิธีการของความน่าจะเป็น เรียกว่า "three time estimate" ของแต่ละ กิจกรรม ประกอบไปด้วย 1. Optimistic time (a) = เวลาที่ดีที่สุดที่เคยทำกิจกรรมได้ มักจะมีความน่าจะเป็นที่จะเกิด น้อยมาก ประมาณ 1/1000 2. Pessimistic time (b) = เวลาที่ช้าที่สุดที่เคยทำกิจกรรมได้ เนื่องมาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ ไม่เอื้ออำนวย หรือเกิดจากเหตุสุดวิสัยขึ้น มักจะมีความน่าจะเป็นที่จะเกิดน้อยมากเช่นกัน 3. Most likely time (m) = เวลาที่ใช้ส่วนใหญ่เมื่อทำกิจกรรม 5. รวมระยะเวลาของแต่ละกิจกรรมตั้งแต่ต้นจนจบ เส้นทางที่มีระยะเวลายาวที่สุด เป็นเส้นทางวิกฤต การหาเส้นทางวิกฤต ต้องหาค่าต่าง ๆ ของแต่ละกิจกรรมบนโครงข่าย: 1.

Example

คำนวณเวลาแล้วเสร็จของโครงการ ถ้าโครงการยังไม่เสร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้กลับไปทำขั้นตอนที่ 3 ถ้าเป็นไปตามเป้าหมายให้ทำขั้นตอนต่อไป 5. ตรวจสอบแผนงานการเร่งโครงการเพื่อปรับปรุงการกำหนดงาน ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงไปได้บางส่วน

  1. Pert chart คือ
  2. Pert chart คือ 2
  3. Pert chart คือ definition
  4. Pert chart คือ chart

การดำเนินงานในเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้สำเร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยมีการตระเตรียมและวางแผนงานไว้ล่วงหน้า ในการคำนวณเกี่ยวกับ Project Management จะมีเครื่องมือ 2 ตัว ที่ใช้ในการคำนวณ คือ PERT และ CPM ซึ่งเครื่องมือทั้ง 2 ตัวนี้ มีความแตกต่างกัน ดังนี้ 1. PERT ใช้สำหรับ Project ที่ไม่ทราบเวลาที่แน่นอน เช่น งานวิจัย 2. CPM ใช้สำหรับ Project ที่ทราบเวลาที่แน่นอนของแต่ละกิจกรรม โดยที่ทั้ง 2 เครื่องมือนี้ เป็นเทคนิคการวิเคราะห์เชิงปริมาณที่เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด ช่วยให้ผู้บริหารสามารถที่จะวางแผนติดตามและควบคุมโครงการขนาดใหญ่ หรือมีความซับซ้อนมากได้ PERT บอกอะไรกับเรา???? 1. เวลาแล้วเสร็จ 2. กิจกรรมวิกฤต (กิจกรรมที่ถ้ามีการเลื่อนกำหนดเสร็จออกไป จะทำให้กำหนดเสร็จรวมของ โครงการเลื่อนตามออกไปด้วย) 3. กิจกรรมไม่วิกฤต 4. ความน่าจะเป็น (ที่สามารถทำให้โครงการแล้วเสร็จได้ตาม Due Date ที่กำหนด) 5. กำหนดการ (รู้ว่ากิจกรรมใด สามารถเริ่มได้เร็วหรือช้าที่สุดเมื่อใด) 6. ค่าใช้จ่าย 7. ทรัพยากร 8. เร่งระยะเวลา (ทำได้โดยการเพิ่มทรัยากร นั่นก็หมายถึง การเพิ่มต้นทุน) ส่วนประกอบของ Network แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ AON และ AOA 1.

pert chart คือ

ไม่สามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างงานย่อยต่าง ๆ จึงบอกไม่ได้ว่า - กิจกรรมใดบ้างที่ต้องทำให้เสร็จก่อนจะเริ่มต้นกิจกรรมอื่น กิจกรรมใดบ้างที่สามารถเริ่มต้นทำพร้อมกันได้ - กิจกรรมใดสามารถล่าช้าได้เท่าใด โดยไม่กระทบต่อกิจกรรมอื่นหรือต่อความสำเร็จของโครงการ 2. ไม่สามารถบอกได้ว่าควรจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดอย่างไร ให้บริหารโครงการได้มีประสิทธิภาพ ดังนั้น แผนภูมิแกนต์จึงใช้ทั่วไปในโครงการที่ไม่ซับซ้อนนัก ก. ข. ค. ง. 1 2 3 4 5 6 เวลา (สัปดาห์) ใน Gantt Chart จะใช้ลูกศรแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือการแรเงารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แทนกิจกรรมแต่ละกิจกรรม ที่เริ่มต้นและสิ้นสุดที่เวลาต่าง ๆ กัน ดังในภาพข้างล่าง พ. ศ. 2554 มิ. ย. ก. ค. ส. ค. ก. ย. ต. ค. พ. ย. ธ. ค. 1. เตรียมงาน/ ประชุม/ วางแผน * 2. ศึกษานำร่อง (Pre-survey) เก็บข้อมูล เบื้องต้น 3. ออกแบบและ ทดสอบ แบบสอบถาม 4. เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ ทดสอบแล้วกับกลุ่มเป้าหมาย 5. วิเคราะห์ข้อมูล 6. อภิปรายผลการศึกษา เขียนรายงานสรุป โครงการ 7. นำเสนอโครงการวิจัยแก่ผู้บริหารระดับสูง แผนภูมิแกนต์ มีประโยชน์ในการวางแผนและควบคุมติดตามการผลิตหรือการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้การผลิตนั้นจะมีกระบวนการซ้ำ ๆ หรือมีการพัฒนา สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด, ระยะเวลาเร็วที่สุดที่โครงการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้ในการบันทึกและดูความกว้าหน้าของงาน วิเคราะห์ความกว้าหน้าของงาน และปรับเปลี่ยนการวางแผนได้ง่าย จึงเป็นที่นิยมรู้จักกันแพร่หลาย แต่ยังไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ทำง่าย เข้าใจง่าย ไม่มีการคำนวณที่ซับซ้อน ยุ่งยาก และไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการทำ

ยาง-รถ-บวม
July 8, 2022, 3:40 pm